คน ๆ หนึ่งที่หลงไหลในการพัฒนาตัวเองและการสร้างธุรกิจผ่าน Personal Brand โดยออกมาแชร์เรื่องราวตัวเองผ่าน YouTube และช่องทางอื่น ๆ ให้ผู้คนได้ติดตามและโตไปด้วยกัน :)

ผมเรียนจบคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตอนปี 2566

ผมเริ่มทำ YouTube ตั้งแต่ปี 2014 โดยตอนนั้นทำช่องเล่นเกม ชื่อว่า NackMache

ผมเติบโตมาจากการเป็นฟรีแลนซ์ และงาน Part-Time โดยยังไม่เคยทำงานประจำเลย นอกจากฝึกงานในออฟฟิศ

แม้จะดูทำคอนเทนต์จริงจัง แต่จริง ๆ ผมอ่อนไหวและมีความเป็นศิลปินพอสมควร ผมชอบงานศิลปะและดนตรี แม้จะเล่นไม่เก่งก็ตาม

ช่อง Nack Siwakorn ตอนแรกชื่อว่า Fusion Podcast โดยสรุปบทเรียนพัฒนาตัวเองสั้น ๆ ไม่เกิน 10 นาที และมีแต่เสียง ไม่ออกกล้องเลย

ผมลงคลิปสัปดาห์ละ 2 คลิป อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปี โดยได้ผู้ติดตามมาแค่ 2,000 คน และทำเงินไม่ได้สักบาท (อย่ารีบยอมแพ้ !)

ปัจจุบันผมอายุ 24 ปี อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ

ช่อง Nack Siwakorn ในปัจจุบัน ถูกเริ่มต้นอย่างจริงจังเมื่อปี 2019 ในรูปแบบพอดแคสต์ ก่อนจะเติบโตมาเป็นอย่างในปัจจุบัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เส้นทางของผมในด้านนี้ เริ่มต้นมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นเกือบ 10 ปี...

ผมเป็นเด็กกรุงเทพฯ ที่ใช้เวลาช่วงแรก ๆ ของชีวิตเติบโตที่บ้านยายในจังหวัดลพบุรี ถ้ามองโดยภาพรวมแล้ว ผมก็เป็นเด็กที่เติบโตมาอย่างดีคนหนึ่ง ที่มีครอบครัว มีพี่ ๆ ที่น่ารักอยู่รอบตัว และได้โลดแล่นตามประสาเด็กทั่วไป

แต่เพราะอะไรบางอย่าง ตั้แต่เด็กจนโต สิ่งหนึ่งที่แน็ค ศิวกร รู้สึกอยู่ในใจลึก ๆ มาตลอด คือความรู้สึกว่า 'เราไม่เป็นคนสำคัญ'

ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน บทบาทที่แน็คมักจะรู้สึก คือการเป็นเหมือนแค่ ตัวประกอบ ที่เกาะห้อยตามไปด้วยในทุกที่ และไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียง หรือเป็นที่สนใจในวงนั้นมากนัก

สมัยเด็กที่อยู่กับพี่ ๆ ในละแวกบ้าน เราก็เป็นน้องคนเล็กสุดในกลุ่ม ที่ทำได้แค่เกาะตามไปด้วย ไม่ว่าเขาจะไปทำอะไรกัน และหลายครั้งรู้สึกว่าเป็นตัวถ่วงด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาต้องมาดูแลเรา เพื่อไม่ให้โดนผู้ใหญ่ดุ

ในสมัยประถม ผมก็เป็นเด็กเนิร์ดคนนึงที่เกาะอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่เป็นนักกีฬา คนกลุ่มนี้เป็นที่สนใจในหมู่เพื่อน เด็กผู้หญิง และอาจารย์ โดยเราก็เป็นแค่คนที่ห้อยตามไปด้วยเช่นเดิม ไม่ได้เป็นคนสำคัญอะไร

ความรู้สึกแบบนี้ตามเราไปอยู่ทุกที่ ตอนมัธยมที่เล่นดนตรี เราก็รู้สึกเหมือนเป็นตัวสำรอง เล่นบาสเกตบอล ก็รู้สึกเป็นตัวถ่วงที่เล่นไม่เก่ง แม้กระทั่งขึ้นมหาวิทยาลัยที่ได้เล่นดนตรีในชมรม ก็รู้สึกเป็นคนไร้ตัวตนในวง เพราะเราเล่นไม่เก่งและไม่เคยถูกเลือก

ไม่ว่าคนอื่นจะมองว่ามันจริงหรือไม่จริงแค่ไหนก็ตาม เพราะภายนอกเราก็ดูเป็นคนที่มีเพื่อน มีคนรักอยู่ปกติ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า 'นี่คือความรู้สึกของเด็กคนนี้'

เส้นทางการทำ YouTube ของผม แรกเริ่มมันก็มาจากแค่ความพยายามที่จะรู้สึกเป็นคนสำคัญมากขึ้น

ช่วงมัธยมต้น ผมใช้เวลาส่วนมากไปกับการดู YouTube ที่เป็นช่องเล่นเกม และเรารู้สึกว่ามันสนุก มันเพลิดเพลิน และทั้งมีคนชื่นชมสนับสนุน

ผมเลยเริ่มทำ YouTube ช่องแรกเมื่อปี 2014 ชื่อว่าช่อง NackMache เป็นช่วงที่เล่นเกม Minecraft และได้เลิกทำไปตอนช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัย

หลังจากนั้นผมก็ทำอะไรมาเรื่อย ๆ ด้วยความที่ผมเป็นคนที่ชอบมีงานอดิเรกอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงกระบองเพชร การทำ YouTube การเล่นดนตรี และอื่น ๆ อีกมากมาย

ซึ่งในช่วงนั้น ผมก็ได้กลับมาทำช่อง YouTube อีกครั้งนึง ชื่อว่า Fusion Podcast ซึ่งเป็นช่องที่สรุปความรู้การพัฒนาตัวเองต่าง ๆ ซึ่งในอนาคตก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นช่อง Nack Siwakorn

ประกอบกับตอนสมัยมหาวิทยาลัย ผมเริ่มเรียนรู้ที่จะหาเงินในวัยเรียน ผมเลยเริ่มทำงาน Freelance เขียนบทความ วาดรูป ทำกราฟฟิค จึงทำให้ผมเริ่มคุ้นชินกับทักษะการหาเงินมากขึ้นเรื่อย ๆ

จนถึงช่วงใกล้เรียบจบมหาวิทยาลัย ผมเริ่มมาถึงจุดที่ผมต้องเลือกอะไรสักอย่าง เพราะผมตั้งใจแล้วว่าหลังจากเรียนจบ 'จะไม่หางานประจำทำ'

ผมสังเกตชีวิตตัวเองที่ผ่านมา ประกอบกับความรู้สึก 'เป็นคนไม่สำคัญ' ที่รบกวนจิตใจเรามาอยู่ตลอด ผมได้ค้นพบว่า ช่วงเวลาที่ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ เป็นที่สนใจ มีตัวตน และเป็นที่ยอมรับ คือ 'ตอนที่ผมเรียนเก่ง' และ 'ตอนที่ผมเล่นดนตรีกับเพื่อน'

ผมได้ข้อสรุปแบบสั้น ๆ กับตัวเองว่า การที่เราจะเป็นคนสำคัญมากขึ้น นั้นมาจากการที่เรา 'ทำอะไรสักอย่างได้ดีมาก' เช่นตอนที่ผมเรียนเก่งเป็น Top ของชั้น และตอนที่เรา 'นำเสนอตัวเองเป็น' เช่นตอนที่ผมเล่นดนตรี ที่แม้วงผมจะไม่ได้เก่งที่สุด แต่เพราะผมเสนอหน้าไปอยู่ในทุกที่ จนทุกคนในโรงเรียนจำได้และติดตาม

ผมคิดว่าผมคงไม่คาดหวังให้ตัวเองทำอะไรสักอย่างได้ดีมากจนเป็นตัว Top ของวงการ แต่ผมคิดว่าผมน่าจะเก่งพที่จะพัฒนาตัวเองให้ 'เหนือค่าเฉลี่ย' ในเรื่องนั้น และ 'นำเสนอตัวเอง' ให้คนรู้จักแทน ท่านี้น่าจะเหมาะกับผมมากกว่า

ในตอนนั้น ผมเลือกที่จะทิ้งงาน Freelance ทั้งหมด แล้วเปลี่ยนชื่อช่อง YouTube เป็น Nack Siwakorn ที่ตอนนั้นทำเงินให้เราได้แค่เดือนละ 20 บาท โดยท้าทายตัวเองว่า 'มันจะต้องเลี้ยงเราได้ก่อนเรียนจบ' ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่ถึง 4 เดือน

ในเวลาไม่กี่เดือนนั้น ผมเรียนรู้ทุกอย่างแบบเต็มที่ และยอมออกหน้ากล้อง นำเสนอตัวเอง ไม่มีข้ออ้างอะไรทั้งสิ้น ขอแค่ให้เราเป็นช่อง YouTube สายพัฒนาตัวเองที่ดีเหนือค่าเฉลี่ยก็พอ และนำเสนอตัวเองให้มากกว่าคนอื่น เท่านั้นก็น่าจะเพียงพอ

ซึ่งข่าวดีก็คือ ในไม่กี่เดือนนั้น จากช่อง YouTube ที่ทำเงินให้ผมเดือนละ 20 บาท ก็สามารถทำเงินให้ผมเดือนละหมื่นกว่าบาท และทำให้ผม ไม่ต้องไปหางานประจำ ทำได้พอดี

หลังจากนั้นผมก็เริ่มต่อยอดช่องนี้ให้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จากผู้ติดตามหลักหมื่น ก็กลายเป็นหลักแสน จากรายได้ 5 หลัก ก็เริ่มแตะ 6 หลัก มีสินค้า มีบริการเพิ่มขึ้นมา จากช่องที่ทำคอนเทนต์ทั่วไป ก็กลายเป็นธุรกิจที่เปลี่ยนชีวิตของผมไปเลย

ด้วยเรื่องราวทั้งหมดนี้ ทำให้ผมมีอิสระในชีวิตมากขึ้น มีรายได้มากขึ้น ได้ทำงานที่สนุกและมีความสุข แต่ที่สำคัญก็คือ มันทำให้ผม 'รู้สึกว่าตัวเองสำคัญมากขึ้น' ซึ่งได้แก้ปมที่กวนใจผมมาตลอดในอดีต

ผมได้ข้อสรุปว่า การที่เราจะเติบโตเป็นอิสระ กลายเป็นคนสำคัญ มีตัวตน และได้ชีวิตที่เราพึงพอใจได้ คุณไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุด แต่แก่นหลักของมันคือการ 'พัฒนาตัวเองให้เหนือค่าเฉลี่ย' และ 'นำเสนอตัวเองให้เป็น'

ผมเชื่อว่าโลกใบนี้ยังมีคนอีกมากมายที่มีปัญหาเดียวกับผม มีความรู้สึกไม่ต่างกัน และอยากหาวิธีการที่จะเอาชนะความรู้สึกเหล่านั้นให้ได้

ทั้งคอนเทนต์และสินค้าในช่อง Nack Siwakorn จึงถูกสร้างมาเพื่อช่วยเหลือคนเหล่านี้ ซึ่งก็คือตัวผมในอดีต ผ่านการเล่าเรื่องราวการเติบโตของผมเอง การแสดงให้เห็นว่าไม่มีใครเพอร์เฟคต์ แต่เราทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ เพียงแค่เราอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง และนำเสนอตัวเองให้เป็น ทั้งโอกาสและการเติบโตในชีวิต จะเข้ามาหาเราในไม่ช้า

ในปัจจุบันช่องของผมจึงเป็นศูนย์รวมเรื่องราวการเติบโต และคนที่เชื่อในอุดมการณ์เดียวกับผม เพื่อที่เราจะเติบโต 'เหนือค่าเฉลี่ย' ไปด้วยกัน ผ่านวิธีที่ผมใช้ช่วยเหลือตัวเองในอดีต และกลายเป็นเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต

และต่อไปนี้ คือเป้าหมายของผมและคนที่ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน 👇🏻

Vision

(สิ่งที่ผมอยากเห็น)

ผมอยากเห็นโลกที่ทุกคนรู้สึกมีตัวตน และมั่นใจในตัวเอง

Mission

(เป้าหมายของผม)

ช่วยให้ผู้คน 'เหนือค่าเฉลี่ย'

ผ่านการ 'พัฒนาตัวเอง' และ 'นำเสนอตัวเองให้เป็น'

" และผมจะทำเป้าหมายนี้ ผ่านการทำคอนเทนต์แชร์เรื่องราวของผม

และสินค้าที่ช่วยเหลือคนที่มีปัญหาเหมือนผมในอดีต เพื่อเติบโตและสร้างค่าเฉลี่ยใหม่ไปด้วยกัน "

เมื่อคุณส่งแบบฟอร์มนี้ คุณจะถูกลงทะเบียนเพื่อรับบทความฟรีของเราทางอีเมล นอกจากนี้ ผมอาจส่งอีเมลอื่น ๆ เกี่ยวกับหลักสูตรและสินค้าของผมให้คุณ คุณสามารถยกเลิกการรับอีเมลเมื่อใดก็ได้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูนโยบายความเป็นส่วนตัว