YOU ARE THE BUSINESS COURSE
ดูคลิปนี้ก่อนสั้น ๆ 👇
✅ คนที่อยากใช้เวลาหลังเลิกงานในการสร้างรายได้เป็นของตัวเอง โดยสามารถโตเป็นรายได้หลักได้
✅ นักขายที่อยากโดดเด่น คนจำได้ จนไม่ต้องวิ่งหาลูกค้าเอง แถมลูกค้ายอมต่อคิวรอเพื่อซื้อกับเราเท่านั้น
✅ เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก พนักงานไม่เกิน 10 คน ที่ต้องการให้ลูกค้าไหลเข้ามาหาเราจนแทบขายไม่ทัน
✅ คนที่อยากมีความมั่นคงที่แท้จริง ด้วยการมี ทักษะหาเงิน ติดตัว และไม่ต้องกลัวอดตายอีกต่อไป
✅ *สำคัญมาก* คนที่พร้อมเหนื่อยวันนี้ เพื่อที่จะสบายในอนาคต (คนที่อยากได้อะไรแบบง่าย ๆ ไม่เหมาะกับสิ่งนี้ครับ)
ผมลองหาท่าต่าง ๆ ในการหาเงินมาตั้งแต่เด็ก พยายามทำเท่าที่นึกออก
ทำให้ผมมีแสนแรกได้ตอนอายุ 21
ในตอนนั้นผมก็รู้สึกดีใจและภูมิใจในตัวเองมาก ๆ แล้ว
แต่ใครจะไปรู้ว่าไม่กี่เดือนต่อจากนั้น
ผมจะเจอสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตผมไปยิ่งกว่าเดิม
เพราะท่าที่ผมใช้ในการหาเงินแสนแรกให้กับตัวเองนั้น
มันเป็นท่าหาเงินที่ทรงพลังมาก ๆ ที่ผมเผลอได้มาใช้โดยไม่รู้ตัว
และแสนแรกของผม มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นของมันเท่านั้น
เพราะอีกไม่ถึงปีต่อจากนั้น
มันได้โชว์พลังของมันออกมารุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
จนทำให้ผมมีล้านแรกในชีวิตได้ตอนอายุ 21 ปลาย ๆ เกือบ 22
นี่มันผ่านไปไม่ถึงปีเองนะเนี่ย มันเกิดอะไรขึ้น..
เรามาย้อนไปสักหน่อยนะครับ
บ้านผมไม่ได้มีฐานะอะไร แม่เป็นข้าราชการ
พ่อเป็นพนักงานออฟฟิศ ที่พยายามดิ้นรนหาเงินจากช่องทางอื่น ๆ มาช่วยครอบครัว
จนเพิ่งมามีธุรกิจส่วนตัวที่เวิร์คและเปลี่ยนสถานการณ์ของที่บ้านได้ไม่นานมานี้เอง
ภาพจำผมตั้งแต่เด็กคือเห็นพ่อกับแม่ทำงานอย่างหนัก
ส่วนผมเป็นเด็กที่อยากมีการเงินที่ดี และโดนสอนมาให้ประหยัดตั้งแต่เด็ก
ลองใช้มาทุกวิธี พยายามประหยัด เก็บเงินทุกอย่าง
แต่โชคดีที่สมัยเด็กได้ดูคลิป แล้วมีคนเล่าว่า
การเก็บเงินมันช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าอยากชีวิตดีขึ้นจริง ๆ
ต้องหาเงินเพิ่มด้วย แล้วค่อยเก็บเงินให้เยอะ ๆ ไปเลย
เพราะฉะนั้น เราต้องเพิ่มรายได้
ผมได้เรียนรู้ว่างานมี 2 ประเภท คือ
ได้เงินตามเวลาที่ลง กับได้เงินตามผลลัพธ์
และงานที่ทำให้เรามั่งคั่งได้เร็ว คืองานที่ได้เงินตามผลลัพธ์
เพราะมันไม่มีเพดานรายได้ ยิ่งเราสร้างผลลัพธ์ได้เยอะ เราก็ได้เงินเยอะ
หมายความว่า ถ้าเกิดเราเก่ง เราไม่ต้องทำงานหนัก ก็ทำเงินเยอะได้
นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมได้ยินถึงคอนเซปต์ของการ ทำน้อย ได้มาก
และทำให้ผมเริ่มตัดสินใจว่า ผมจะหาเงินเพิ่ม
และสิ่งนั้น จะต้องเป็นงานที่ได้เงินตามผลลัพธ์
ผมมาค้นพบว่า งานที่ได้แบบนั้น มีอยู่ 3 หมวดด้วยกัน
1. ฟรีแลนซ์ 2. ทำธุรกิจ 3. นักขาย
ผมเริ่มที่ฟรีแลนซ์ ใช้ความสามารถที่มีไปรับจ้างเขียนบทความ ตัดต่อวิดีโอ ทำกราฟฟิค
โดยที่ก็ฝึกเอาจากยูทูป
ทำธุรกิจ หาของมาขาย ก็เคยทำแล้ว ตอนนั้นขายเสื้อสกรีน แล้วก็ไปรับนาฬิกาจากจีนมาขายอยู่ช่วงหนึ่ง
แล้วก็เคยไปเป็นนักขาย ตอนนั้นเป็นตัวแทนประกัน เอาง่าย ๆ คือเคยลองมาทั้ง 3 หมวดแล้ว
และผลลัพธ์มันก็ออกมากลาง ๆ ผมหาเงินได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นเหนือค่าเฉลี่ยอะไรนัก
จนกระทั่งผมได้มาเจอท่าที่ผมเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้นี่แหละครับ
มันเกิดจากการที่ผมทำช่องยูทูปแค่เพราะอยากฝึกทักษะการพูดของตัวเอง
แล้วก็ค่อย ๆ นำเสนอสินค้า และบริการฟรีแลนซ์ของตัวเองขำ ๆ เพื่อหาเป็นเงิน
แต่จริง ๆ แล้ว ไอ้ขำ ๆ นั้นเนี่ยแหละ
กำลังจะเปลี่ยนชีวิตผมไปตลอดกาล
เพราะทันทีที่มันเริ่มสร้างผลลัพธ์ได้
มันทำให้ผมเข้าใจเรื่องหนึ่งขึ้นมา
นั่นก็คือ ‘การมองตัวเองให้เป็นธุรกิจ’
จากเมื่อก่อนที่ผมมองตัวเองเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่พยายามหารายได้ให้มากขึ้น
ผมเริ่มมองตัวเองเป็น ‘ธุรกิจที่มีชีวิตอันหนึ่ง’
ซึ่งพอเป็นแบบนี้ ธุรกิจต้องมีลูกค้า
ต้องมีการตลาด การขาย จุดแข็ง จุดอ่อน มีข้อเสนอ มีกลุ่มเป้าหมาย และอะไรอีกมากมาย
ช่องยูทูปผม มันไม่ใช่แค่คลิปที่เราทำเล่น ๆ แต่ผมมองมันเป็น ‘การตลาด’
คนดูของผม ไม่ใช่แค่แฟนคลับ แต่กลายเป็น ‘กลุ่มเป้าหมายที่เราจะช่วยเขา’
สินค้าและบริการของเรา กลายเป็น ‘ข้อเสนอที่แก้ปัญหาให้เขาได้’
และอื่น ๆ อีกมากมายที่พรั่งพรูเข้ามา เป็นการบ้านที่แสนยิ่งใหญ่
ทั้งวิธีการสื่อสาร ท่าต่าง ๆ ในการหาลูกค้า การเก็บข้อมูล ช่องทางการขาย การสร้างความสัมพันธ์ กลยุทธ์ ฯลฯ
และการมองตัวเองเป็นธุรกิจเนี่ยแหละครับ
เปลี่ยนชีวิตผมไปตลอดกาล
ผมมีรายได้เข้ามาแบบที่ไม่เคยคิดมาก่อน แถมเข้ามาสม่ำเสมอ
สินค้าที่ผมทำขึ้นมา มีคนเข้ามาซื้อแทบทุกวัน โดยที่ไม่ต้องวิ่งหาลูกค้า
จะกินข้าว ดูหนัง ออกกำลังกาย ก็มีเงินเข้า โดยทำคลิปแค่สัปดาห์ละคลิป
ตอนนั้นผมยังเป็นตัวแทนประกันอยู่ ก็มีลูกค้ามาต่อคิวรอคุยกับผมถึง 400 กว่าคน และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ในขณะที่คนอื่นในทีม เจอลูกค้าอาทิตย์ละ 3-4 คน และบ่นว่าลูกค้าหมด
ผมที่คุยกับลูกค้าอาทิตย์ละ 10 กว่าคนจนเสียงแหบ ยังไม่สามารถจะเคลียร์รายชื่อได้ทันคิวที่ต่อเข้ามาด้วยซ้ำ
นี่แหละครับ คือพลังของ ‘การมองตัวเองให้เป็นธุรกิจ’
ผมไม่ได้บอกให้คุณลาออกจากงานประจำ
ผมไม่ได้บอกคุณออกจากงานขายตัวเองแล้วมาทำธุรกิจ
ผมไม่ได้จะบอกให้ทุกคนในที่นี้ต้องสร้างแบรนด์เสื้อผ้าหรืออาหารเสริมแล้วสร้างธุรกิจ
แต่มันคือการ ‘มองตัวเองให้เป็นธุรกิจ’
แล้วทีนี้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในงานไหนก็ตาม ตัวคุณก็คือธุรกิจเดินได้อันหนึ่ง
มันจะมี การขาย การตลาด ปัญหา กลุ่มเป้าหมาย กลยุทธ์ การทำให้คนรู้จัก การสร้างข้อเสนอ ฯลฯ
และสิ่งนี้นี่แหละครับ คือสิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้ในคอร์ส You Are the Business ที่คุณกำลังอ่านอยู่นี้
❌ ต้องทำงานแลกเงินตลอด เหนื่อยแต่หยุดไม่ได้
❌ ต้องวิ่งหาลูกค้า ง้อลูกค้าเองตลอด โดนต่อราคาจนเหนื่อย
❌ รู้สึกไม่มั่นคง รายได้เข้าบ้างไม่เข้าบ้าง ไม่มั่นใจว่าจะตกงานเมื่อไหร่
✅ มีธุรกิจที่ทำให้เงินไหลเข้ากระเป๋าคุณแม้ตอนคุณหลับ
✅ ไม่ต้องเหนื่อยวิ่งหาลูกค้า แต่มีลูกค้ามาต่อคิวซื้อกับคุณ
✅ มีความมั่นคงอย่างแท้จริง และพูดได้เต็มปากว่า 'หาเงินเป็น'
และเราจะมาลุยวิธีการทั้งหมดกันในคอร์สนี้นี่แหละครับ
⭐ ภาพรวมหลังบ้านของธุรกิจผม และเครื่องมือที่ผมใช้อยู่
⭐ แกะตัวตนของคุณ เพื่อมาสร้าง Personal Brand ในธุรกิจ
⭐ วางแผนภาพรวมธุรกิจ ตั้งแต่วิเคราะห์ลูกค้า ถึงระบบหลังบ้าน
⭐ Mindset ผู้ประกอบการ ที่จะทำให้คุณ 'โคตรอึด' ในทุกสถานการณ์
⭐ การทำคอนเทนต์ ทำไม่ใช่แค่มียอดวิว แต่มี 'ยอดขาย'
⭐ ทำคอนเทนต์แบบตรงกลุ่มเป้าหมาย และขายของได้
⭐ การวิเคราะห์ตลาด และออกแบบสินค้า/บริการ เพื่อตอบโจทย์
⭐ การตลาด และวิธีทำให้คนแปลกหน้าอยากซื้อของจากคุณ
⭐ วิธีสร้างข้อเสนอที่ลูกค้ารู้สึกว่า 'ถ้าปฏิเสธจะโง่มาก'
⭐ ภาพรวมหลังบ้านของธุรกิจผม และเครื่องมือที่ผมใช้อยู่
⭐ และอื่น ๆ อีกมากมาย (เนื้อหายังไม่เสร็จ ผมเติมเรื่อย ๆ ครับ)
ตอนนี้ผมมีรายได้ 9 ช่องทางครับ ซึ่งก็คือ
✅รายได้จากการอีบุ๊กและไฟล์ต่าง ๆ
✅รายได้จากการคอร์สออนไลน์
✅รายได้จาก Affiliate ค่าคอมสินค้า
✅รายได้จากค่าปรึกษาส่วนตัว
✅รายได้จากวิทยากร งานบรรยาย
✅รายได้จากยอดวิวคลิป
✅รายได้จากการจัดสัมนาออนไลน์/OnSite
✅รายได้จากค่าลิขสิทธ์หนังสือที่เขียน
✅รายได้จากการขายสินค้าของตัวเอง (สมุดบันทึก)
✅นอกจากนี้ก็จะมีรายได้จากการลงทุนยิบย่อย เช่น ปันผลหุ้น ฯลฯ
แต่ที่จะบอกก็คือ ตลอดเส้นทางการฝึกหาเงินของผม
ผมเคยค้นพบท่าต่าง ๆ ในการหาเงินมากถึง 15 ท่า
บางอันเวิร์คกับผม บางอันไม่เวิร์ค แต่ผมไม่กล้าตัดสินว่ามันจะไม่เวิร์คกับทุกคน
เพราะผมทำธุรกิจให้ความรู้ 9 ท่านี้เลยเวิร์ค
แต่ในคอร์สนี้ ผมขอแชร์ให้คุณทั้งหมด 15 ท่าเลยแล้วกันครับ
เพื่อที่ว่าคุณจะได้ไปลองและเทสดูเอาเอง ว่าอันไหนเวิร์คไม่เวิร์คสำหรับคุณ
ผมไม่มีทางขายฝันว่ามันจะไม่เหนือย หรือการันตีว่ามันจะเวิร์ค 100%
กลับกัน ผมจะบอกคุณด้วยซ้ำว่ามันจะเหนื่อยและมีช่วงเวลาที่ไม่ง่าย
และมันจะเป็นหน้าที่ของคุณเอง ที่ต้องนำแนวทางที่ผมแชร์ให้ทั้งหมดนี้
ไปลงมือทำแล้วเอาชนะความยากลำบากทั้งหมดนั้นให้ได้
หลายครั้งที่ผลลัพธ์มันไม่เกิด มันเพราะเรายังไม่อึดมากพอเท่านั้นเอง
ผมเลยกำชับในตอนต้นพอสมควรว่า
ขอคนที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง และพร้อมเหนื่อยวันนี้เพื่อสบายวันหน้า
ถ้าคาดหวังให้ได้อะไรมาง่าย ๆ ผมคงช่วยคุณไม่ได้
ยินดีต้อนรับสู่ You are the business นะครับ 🙂
คอร์สนี้ไม่มีราคาตายตัว เพราะเนื้อหายังไม่เสร็จ และจะเพิ่มเรื่อย ๆ
ยิ่งเนื้อหาไปไกล ราคาจะค่อย ๆ ขึ้นตาม
แต่ถ้าใครสมัครตอนราคาไหน ก็จะถือว่าได้ราคานั้นไปแล้ว และไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
แม้เนื้อหาจะไปไกล หรือราคาจะไปถึงไหนแล้วก็ตาม
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าราคาปัจจุบันที่คุณเห็นจะเป็นราคาไหน
ให้รู้ไว้ว่า มันเป็นราคาที่ดีที่สุดแล้วครับ
เรียนได้ตลอดชีพ ไม่มีหมดอายุครับ
สิ่งที่คุณต้องทำคือ เรียนแล้วลงมือทำ
แล้วมาทบทวนซ้ำใน Stage ของธุรกิจที่คุณอยู่ หรือปัญหาที่คุณเจอในตอนนั้น
ตอนนี้เนื้อหาลงไปแล้ว 2 บทเรียน
(จากประมาณ 10 บทเรียน)
และเมื่อลงครบทั้งหมด ราคาจะจบอยู่ที่ 10,000 บาท++
แต่ในตอนนี้ สำหรับคนที่สมัครมาก่อนเนื้อหาลงครบ
แล้วเรียนสดไปพร้อมกับเรา
ผมให้สมัครได้ในราคา 4,350 บาท พอครับ
ถ้าใครพร้อมจะลุยไปด้วยกัน แล้วมาเปลี่ยนตัวเองเป็นธุรกิจเดินได้ด้วยตัวคนเดียว
ผมแนะนำให้ว่าสมัครเพื่อล็อกราคาที่ดีที่สุดไว้เลยครับ
จากนั้นก็เรียนเรื่อย ๆ ชิว ๆ ได้เลย
มีทั้งชำระเต็มและผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือน แล้วแต่สะดวกเลยครับ
เพราะมันจะทำให้คุณ ไม่มีวันอดตาย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
You Are the Business: เปลี่ยนตัวคุณเป็นธุรกิจ 6 หลัก พร้อมแนวทางรายได้ 15 ช่องทาง
Nack Siwakorn